วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เพื่อนสนิท ( 好朋友 )

         คำว่า 朋友 【péngyǒu】 แปลว่า "เพื่อน" ถ้าเติมคำว่า 好 เข้าไปข้างหน้าเป็น 好朋友 【hǎopéngyǒu】 จะแปลว่า "เพื่อนสนิท" คำที่เกี่ยวกับ"เพื่อนสนิท" นั้นมีเยอะแยะมากมาย ประเทศจีนในสมัยก่อนเมื่อตอนที่ยังมีฮ่องเต้อยู่ ไม่มีคำว่า 好朋友 คนสมัยนั้นถ้ารู้จักกันแล้ว ชอบพอนิสัยใจคอกัน มักจะนับถือกันเป็นพื่น้อง ปกติจะใช้คำว่า 兄弟 【xiōngdì】 แต่จริงๆแล้วก็คือ "เพื่อนสนิท" นั่นแหล่ะครับ และมีอีกคำนึงที่เป็นคำตั้งแต่สมัยโบราณแต่จนถึงปัจจุบันก็ยังมีการใช้อยู่ คำว่า 知己 【zhījǐ】 คำนี้ถ้าแปลเป็นภาษาไทยน่าจะแปลว่า "เพื่อนรู้ใจ"

         ส่วนสมัยนี้คำว่า 好朋友 กลายเป็นคำที่ค่อนข้างล้าสมัยไปแล้ว ไม่ค่อยมีใครพูดกัน เพื่อนที่สนิทกัน ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายด้วยกัน หรือว่าเป็นเพื่อนผู้ชายกับเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกัน แต่ไม่ได้มีเรื่องรักๆใคร่ๆ มักจะใช้คำว่า 哥们儿【gēmenr】ถ้าสนิทกันมากๆจริงๆสามารถใส่คำว่า 铁 เข้าไปข้างหน้าได้ด้วย กลายเป็น 铁哥们儿 【tiěgēmenr】ส่วนอีกคำนึงเป็นคำที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่เหมือนกัน ใช้กับ เพื่อนผู้หญิงกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน เท่านั้น ใช้คำว่า 闺蜜【guīmì】

         เป็นยังไงบ้างครับ นอกจากคำว่า 好朋友 แล้ว ยังมีอีกหลายๆคำที่หมายถึงเพื่อนสนิทใช่มั้ยหล่ะครับ ลองจำแล้วไปพูดกับเพื่อนๆดูนะครับ ฟังแล้วดูเท่กว่า 好朋友 เยอะเลย !!

ที่ร๊ากกก วันนี้กินอะไรกันดี !! ( 宝贝儿 !! 今天吃什么啊 ? )

             ดูจากหัวข้อแล้ว คงจะพอเดากันออกนะครับว่าวันนี้เราจะเรียนคำว่าอะไรกัน ใช่แล้วครับ คำว่า 宝贝 【bǎobèi】 นั่นเอง เรามาดูตัวอักษรแต่ละตัวกันก่อนนะครับ ว่าแปลว่าอะไรบ้าง


             ตรงส่วนสีน้ำเงินเป็นตัวอักษร 玉 【yù】ซึ่งแปลว่า "หยก" ครับ ส่วนตรงตัวอักษรสีแดง ถ้าคิดว่าเป็นรูปวาดจะเหมือนกับ "หลังคาบ้าน" ใช่มั้ยหล่ะครับ ถ้าเพื่อนๆเห็นตัวอักษรจีนตัวไหนที่ด้านบนมีลักษณะเช่นนี้ ตัวอักษรตัวนั้นจะมีความหมายเกี่ยวกับบ้านซะส่วนใหญ่ครับ ^^ กลับเข้ามาเรื่อง 宝 กันต่อ ด้านบนเป็น "หลังคาบ้าน" ด้านล่างเป็น "หยก" เพราะฉะนั้นถ้ามองตัวอักษร 宝 เป็นรูปภาพก็คือ หยกที่วางไว้ในบ้าน หรือก็คือ "สมบัติ" นั่นเองครับ

             ส่วนคำว่า 贝【bèi】 เป็นหอยชนิดนึงครับ แต่ในสมัยก่อนคนจีนใช้เปลือกหอยแทนเงิน เพราะฉะนั้นคำว่า 贝 ในสมัยก่อนจึงแปลว่า "เงิน" ครับ ตัวอักษรตัวไหนที่มีคำว่า 贝 อยู่ในตัวอักษรนั้น ส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวกับเงินๆทองๆเหมือนกันครับ

             宝 แปลว่า สมบัติ ส่วน 贝 แปลว่าเงิน ; 宝贝 รวมกันจึงแปลว่า "ทรัพย์สมบัติ" นั่นเองครับ แต่คำว่า 宝贝 นอกจากจะแปลว่า ทรัพย์สมบัติ เงินๆทองๆ ของมีค่า แล้ว ยังแปลว่า "ของที่เรารักที่สุด(อาจจะไม่มีค่าอะไร แต่ตัวเราชอบที่สุด)" ได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น

这幅画是我的宝贝【Zhè fú huà shì wǒ de bǎobèi 
รูปภาพนี้เป็นรูปที่ฉันชอบที่สุด เป็นสมบัติมีค่าของฉัน

            宝贝 นอกจากจะพูดถึงสิ่งของที่เรารักที่สุดแล้ว ยังพูดถึง "คนที่เรารักที่สุด" ได้อีกด้วย คำว่า 宝贝 มีความหมายถึง "ลูก" หรือ "คนรัก (ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายที่เรียกผู้หญิงว่า 宝贝)" ก็ได้ ตัวอย่างเช่น

宝贝儿,该起床上学了。【Bǎobèi'r ,gāi qǐchuáng shàngxué le
ลูกรัก ควรจะตื่นนอนไปเรียนได้แล้ว (ถ้าคำว่า 宝贝 พูดถึงคน สามารถเติม 儿 เข้าไปได้)

宝贝儿,我爱你!【Bǎobèi'r ,wǒ ài nǐ !
ที่ร๊ากกก ฉันรักคุณ

          คำว่า 宝贝 นอกจากจะมีความหมายในทางที่ดีแล้ว ยังมีอีกความหมายนึงที่เป็นไปในทางที่ไม่ดีด้วย จะหมายถึง "คนที่ใช้งานอะไรไม่ได้ ไร้ประโยชน์"เช่น

我们单位那个宝贝,整天好闲,什么都不干
【Wǒmen dānwèi nà gè bǎobèi ,zhěngtiān hào xián ,shénme dōu bù gàn
บริษัททีพวกฉันทำงานอยู่มีอยู่คนนึง วันๆทำตัวว่างๆไม่ทำอะไรซักอย่าง

สรุปอีกทีนะครับ คำว่า 宝贝 มีทั้งหมด 5 ความหมายครับ
1. ทรัพย์สมบัติ
2. สิ่งของที่เรารักที่สุด
3. ลูก
4. แฟน หรือ คนรัก
5. คนที่ไร้ประโยชน์

        หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ ^^

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อาหารแต่ละมื้อในภาษาจีนเรียกว่ายังไงนะ (一日三餐 )

             วันนี้เราจะมาเรียนเกี่ยวกับอาหารแต่ละมื้อว่าในภาษาจีนเรียกยังไงบ้างครับ ในภาษาจีนวิธีเรียกก้อเหมือนกับของไทยอ่ะแหล่ะครับ แบ่งเป็น มื้อเช้า มื้อเที่ยง มื้อเย็น 

【อาหารเช้า】

           คำว่า "เช้า" ในภาษาจีน คือคำว่า 早【zǎo】 ส่วนอาหารในภาษาจีนที่ใช้กันทั่วไปมีอยู่ 2 คำ ครับ คือ 饭【fàn】 และ 餐【cān】 เพราะฉะนั้น คำว่าอาหารเช้าในภาษาจีน ก็คือ 早饭 zǎofàn】หรือ 早餐 【zǎocān】นั่นเองครับ แต่ว่า นอกจากคำว่า 早饭 หรือ 早餐 แล้วยังมีอีกคำนึงที่กับอาหารเช้าโดยเฉพาะ คือคำว่า 早点 【zǎodiǎn】

            จริงๆแล้วมีเรื่องติดตลกเกี่ยวกับคำว่า 早点 ครับ มีฝรั่งคนนึงทำงานอยู่ที่ประเทศจีน ฝรั่งคนนี้เรียนภาษาจีนมาบ้าง แต่ว่าเรียนมาไม่มาก ทุกวันตอนเช้าที่ไปทำงาน เค้ามักจะพบว่าตามร้านค้าต่างๆมักจะเขียนว่า “早点” พอเห็นบ่อยๆเค้า ก็เลยนึกสงสัย ถามเพื่อนคนจีนของเค้าว่า "คนของประเทศคุณนี่ขยันเนอะ" เพื่อนคนจีนของเขาก็สงสัย ทำไมเขาถึงคิดว่าคนจีนขยันหล่ะ ฝรั่งคนนี้จึงตอบว่า "ก็ทุกๆวันผมเดินมาทำงาน มักจะเห็นคำว่า 早点 เตือนคนให้รีบๆไปทำงาน อย่าไปสาย 

           คำว่า 早点 ในที่นี้ ไม่ได้แปลว่า "เร็วๆหน่อย"  ครับ แต่แปลว่า "อาหารเช้า" ถ้าเพื่อนๆคนไหนมาจีนแล้วเห็นคำว่า 早点 ก็ไม่ต้องนึกสงสัยเหมือนฝรั่งคนนี้นะครับ เขาไม่ได้เตือนคุณให้รีบๆไปทำงานหรืออะไร ถ้าเห็นคำว่า 早点 ก็สามารถพุ่งเข้าไปหาของกินที่ร้านนั้นได้เลย ^^

          คำว่า 早点 จริงๆแล้วสามารถแปลว่า "เร็วๆหน่อย" ได้ครับ แต่เวลาพูดจะต้องเติม 儿 เข้าไปด้วย เป็น 早点儿  ไม่อย่างงั้นจะกลายเป็นพูดถึง "อาหารเช้า" แทนครับ เพื่อนๆคนที่ไหนที่สนใจว่า อาหารเช้าของจีน มีอะไรบ้าง แนะนำให้เข้าไปดูได้ที่ blog นี้ครับ


【อาหารกลางวัน】

         คำว่า "กลางวัน" ภาษาจีนคือ 午 【wǔ】 เพราะฉะนั้น อาหารกลางวันเราจะพูดว่า 午饭 【fàn】หรือ 午餐 【cān】นั่นเองครับ ไม่มีคำว่า 午点 นะครับ มีแค่คำว่าอาหารเช้าเท่านั้นที่พูดว่า 早点 ได้ มื้ออื่นๆ ไม่สามารถลงท้ายด้วยคำว่า 点 ได้ครับ

【อาหารรอบบ่าย】

          อาหารรอบบ่าย ภาษาจีนเรียกว่า 下午茶 【xiàwǔchá】 จะมีแค่เฉพาะเมืองกวางเจาเท่านั้น จิบชายามบ่ายของเมืองจีนนั้น ก็เหมือนกับของฝรั่งนั่นแหล่ะครับ จิบชาไปพร้อมกับกินขนมไป แต่ของฝรั่งนั้นเป็นพวกเค้ก ขนมฝรั่งต่างๆ แต่ของจีนก็คือพวกติ๋มซำ 点心【diǎnxīn】นั่นเองครับ 

【อาหารเย็น】

         คำว่า "เย็น" ภาษาจีนคือ 晚【wǎn】อาหารเย็นจึงเรียกว่า 晚饭wǎnfàn】 หรือ 晚餐 【wǎncān】 ครับ 

【อาหารมื้อดึก】

         อาหารมื้อดึกของประเทศจีนนั้นไม่เหมือนบ้านเรานะครับที่มีขายแต่ตามข้างทาง อันนี้เปิดกันเป็นร้านเลยทีเดียวครับ ส่วนใหญ่จะเปิดจนถึงเที่ยงคืน มีแต่เมืองกวางเจาที่เปิดจนถึงดึกมาก เปิดถึง ตี 2 ตี 4 ก็มีครับ เนื่องจากเมืองกวางเจาเป็นเมืองเศรษฐกิจของจีน ผู้คนเยอะแยะมากมาย ทำงานกลางวันก็มี ทำงานตอนกลางคืนก็มี ร้านค้าต่างๆก็เลยเปิดกันจนถึงดึกดื่น คำว่า "อาหารมื้อดึก" ในภาษาจีนนั้น จะเรียกว่า 夜宵 yèxiāo】 หรือ 宵夜 【xiāo】ก็ได้ครับ  2 คำนี้ต่างกันมั้ย ขอตอบว่า ไม่ต่างกันเลยครับ แค่คนทางเหนือ กับ คนทางใต้ เรียกคนละแบบเท่านั้นเองครับ

ไปร้านขายยากันเถอะ! (去药房买药)

             เวลาจะไปเรียนต่อหรือทำงานต่างประเทศ คงมีเพื่อนๆบางคนเตรียมยาจากไทยไปเองใช่มั้ยหล่ะครับ เมื่อก่อนผมก็หนึ่งในนั้น ทุกครั้งที่ปิดเทอมกลับบ้านก่อนกลับมามักจะเตรียมยามาเสมอๆ แต่ก็คงมีเพื่อนๆหลายๆคนไม่ได้ซื้อยาอะไรมา หรือ เตรียมมาไม่ครบ เวลามีใครป่วยก็จะแบ่งกันไปแบ่งกันมา ก็อาจจะมียาหมดบ้างใช่มั้ยหล่ะครับ ยาหมดทำยังไงหล่ะ ถ้าอาการหนักๆก็คงต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเข้าโรงพยาบาลจีนใช่มั้ยหล่ะครับ เพราะคนเยอะมากกก ต้องรอเป็นวันๆ ถ้าอาการไม่หนักก็แค่ไปซื้อยาที่ร้านขายยา ร้านขายยาประเทศจีนไม่มีเหมือนประเทศไทยนะครับ ที่แค่พูดตัวยาเป็นภาษาอังกฤษ คนขายก็จะหยิบให้ พนักงานขายยาส่วนใหญ่จะไม่รู้จักชื่อตัวยาเป็นภาษาอังกฤษ รู้จักแต่ยี่ห้อของยา ยาของประเทศจีนมี 4 แบบ ครับ 1.) ยาฝรั่งๆล้วนๆ  2.) ยาจีนแบบเม็ด กินได้ทันที 3.) ยาจีนผสมยาฝรั่ง เป็นเม็ด กินได้ทันทีเหมือนกัน 4.) ยาจีนแบบที่ต้องต้มหม้อ 3 ชนิดแรกเป็นยาที่คนซื้อกันมากที่สุดเพราะสะดวก แต่ว่า ซื้อยี่ห้อไหนดีหล่ะ แล้วจะบอกคนขายว่าเอายาแบบไหน วันนี้ผมจะมาแนะนำกันครับ

感冒药 【gǎnmàoyào

             感冒药 คือ "ยาแก้หวัด" ที่นิยมซื้อกันก็คือ VC银翘片 【VC yínqiào piàn】และ 银翘解毒丸 【yínqiào jiědú wán】 
             VC银翘片 เป็นยาฝรั่งผสมกับยาจีนและผสมวิตามิน C เข้าไปด้วยครับ ส่วน 银翘解毒丸 เป็นยาจีนล้วนๆครับ

消炎药 【xiāoyányào

            "ยาแก้อักเสบ" ถ้าต้องการซื้อยาฝรั่งก็บอกคนขายว่าเอา 阿莫西林 【ā mò xī lín】หรือก็คือ Amoxicillin นั่นเองครับ แต่ถ้าต้องการยาจีน แนะนำให้ซื้อ 牛黄消炎灵胶囊 【niúhuáng xiāoyán líng jiāonáng】 ครับ 

退烧药【tuìshāoyào】 หรือ  镇痛药 【zhèntòngyào

           "ยาลดไข้" หรือ "ยาแก้ปวด" ที่ประเทศจีนถ้าเป็นยาฝรั่งจะไม่ค่อยนิยมใช้"พาราเซตามอล"ครับ แต่จะนิยมใช้ แอสไพริน ภาษาจีนเรียกว่า 阿司匹林 【ā sī pǐ lín】 ส่วนยาจีนจะใช้ 尼美舒利胶囊 【ní měi shū lì jiāonáng】ครับ

清热解毒药 【qīngrèjiědúyào

           "ยาแก้ร้อนใน" ยาแก้ร้อนในของประเทศจีนมีเป็นสิบๆยี่ห้อเลยครับ แต่ละยี่ห้อคุณภาพก็พอๆกัน แต่ที่นิยมซื้อกันมากที่สุดคงเป็น 牛黄解毒片 【niú huáng jiědú piàn】 ครับ ถ้าใครต้องการยาแก้ร้อนในก็ลองถามหายี่ห้อนี้ดูก่อนนะครับ

止泻药 【zhǐxièyào

            "ยาแก้ท้องเสีย" ไม่มีขายตรากระต่ายบินนะครับ ^^ ที่นี่มีแต่ 诺氟沙星胶囊 【nuò fú shā xīng jiāonáng】เป็นยาจีนครับ มีทั้งแบบน้ำและแบบแคปซูล

止咳药 【zhǐkéyào

            "ยาแก้ไอ"  ที่ประเทศจีนก็มี "ชวนป๋วยปี่แป่กอ" ครับ ภาษาจีนเรียกว่า 川贝枇杷膏 【chuān bèi pí bà gāo】 เป็นยาน้ำครับ แต่ถ้าไม่ชอบแบบยาน้ำ แนะนำเป็นแบบยาจีนเม็ด ยี่ห้อ 复方甘草片 【fùfāng gāncǎo piàn】

           เพื่อนๆบางคนที่ยังอ่านตัวอักษรจีนไม่ค่อยออกอาจจะสงสัยว่าทำไมตัวอักษรตัวสุดท้ายของยาแต่ละชนิดมันคล้ายๆกัน ตัวอักษรตัวสุดท้ายของชื่อยาเป็นการบอกชนิดของยาครับ ถ้าลงท้ายด้วย 片、丸 ก็จะเป็นแบบเม็ด ถ้าลงท้ายด้วยคำว่า 胶囊 ก็จะเป็นแบบแคบซูล ส่วนคำว่ายาฝรั่งจะเรียกว่า 西药【xīyào】ยาจีนเรียกว่า 中药 【zhōngyào】หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆที่ต้องการซื้อยาในประเทศจีนนะครับ

ปล. ยาแต่ละประเภทแต่ละยี่ห้อ ตัวผมเองไม่ได้เคยกินมาทั้งหมดนะครับ ผมไม่ได้ป่วยบ่อยขนาดนั้น ^^ ยาแต่ละยี่ห้อนี้ผมได้ถามจากเพื่อนๆคนจีนมาน่ะครับ ยาพวกนี้เป็นพวกยาสามัญประจำบ้าน นิยมใช้กันทั่วไป แต่เพื่อความแน่ใจ แนะนำให้สอบถามกับเภสัชกรขายยาอีกทีเพื่อความแน่ใจนะครับ ^^

คำว่า"ลาก่อน"ในภาษาจีน ( 再见、告辞、永别 )

           คำว่า"ลาก่อน"ในภาษาจีนนั้นมีหลายคำมาก ที่ใช้กันมากที่สุดก็คือ 再见【zàijiàn】 ถ้าดูอินเตอร์ขึ้นมาหน่อยก็ใช้คำว่า 拜拜 【bài bài】 ซึ่งทับศัพท์มาจาก bye-bye คำว่า 再见 และ 拜拜 ใช้ได้โดยทั่วไปไม่ว่าจะกับพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เพื่อนสนิท หรือว่ากับคนที่เพิ่งเคยรู้จักก็ใช้คำนี้ได้ทั้งหมด แต่ถ้าในกรณีที่เราไม่พอใจ โมโห หรือไม่อยากเห็นหน้าคนนี้อีก เราจะไม่ใช้คำว่า 再见 หรือ คำว่า 拜拜 แต่เราจะใช้คำว่า 告辞 【gàocí】หรือ 永别 【yǒngbié】

告辞 【gàocí】
告辞 ถ้าเปิดพจนานุกรมดู จะแปลว่า "ลาก่อน" ความหมายเหมือน 再见 ไม่มีผิดเพี้ยน แต่จริงๆ คำว่า 告辞 เป็นภาษาหนังสือ ภาษาที่ค่อนข้างสุภาพ ปกติจะใช้กับคนที่ไม่รู้จัก หรือว่า เพิ่งจะเคยพบหน้ากันเท่านั้น เพราะฉะนั้น ถ้าใช้คำนี้พูดกับคนที่เราสนิทด้วย จะถือว่าเป็นการไม่สุภาพมากๆ เพราะจะกลายเป็นเราไม่เห็นคนๆนั้นเป็นคนสนิทอีกต่อไปแล้ว ถึงใช้คำว่า 告辞 ในการร่ำลา เพราะฉะนั้น คำว่า 告辞 จะใช้ต่อเมื่อเรากำลังโมโห ไม่อยากเห็นหน้าคนๆนี้ ถึงจะใช้เท่านั้น ไม่อย่างงั้นจะเป็นการไม่สุภาพมากๆ

永别 【yǒngbié】
永别⁞ คำนี้หนักกว่า 告辞 คำว่า 别 เป็นภาษาโบราณ ย่อมากจากคำว่า 告别 【gàobié】แปลว่า "ลาก่อน" เหมือนกัน คำว่า 永 ย่อมาจากคำว่า 永远【yǒngyuǎn】 แปลว่า "ตลอดไป"  เพราะฉะนั้น 永别 จึงแปลว่า "ลาก่อนตลอดไป" หรือว่า "ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกเลย" จะใช้ก็ต่อเมื่อโกรธคนๆนั้นมากๆ จะต้องการตัดสายสัมพันธ์ถึงจะใช้คำนี้เท่านั้น ถ้าซีซั๊วใช้คนจะโดนโกรธแน่ๆ

ลักษณะนามที่ใช้กับสัตว์ในภาษาจีน (表示动物的量词)

            ในภาษาไทย ลักษณะนามที่ใช้กับสัตว์นั้นส่วนใหญ่จะใช้คำว่า "ตัว" เช่น ปลา 2 ตัว หมา 3 ตัว ยกเว้นช้างกับม้า ที่สามารถพูดว่า ช้าง 2 ช้าง ช้าง 3 เชือก หรือว่า ม้า 1 ม้า ได้ เพราะฉะนั้นลักษณะนามเกี่ยวกับสัตว์ในภาษาไทยนั้น จำง่ายมาก นอกจาก ช้าง กับ ม้า แล้ว สามารถใช้ "ตัว" ได้ทั้งหมด แต่ในภาษาจีนนั้นไม่ใช่ครับ ลักษณะนามเกี่ยวกับสัตว์ในภาษาจีนนั้น ส่วนใหญ่จะจำแนกตามรูปลักษณ์ของสัตว์
               ลักษณะนามที่ใช้กับสัตว์ในภาษาจีนนั้น มีทั้งหมด 5 ตัว ได้แก่ 只【zhī】、头【tóu】、条【tiáo】、匹【pǐ】、峰【fēng】(ไม่มีคำว่า 个 นะครับ) เรามาดูกันว่าลักษณะนามแต่ละคำสามารถใช้กับสัตว์ชนิดไหนได้บ้าง

只【zhī】
                ลองสังเกตูตัวอักษร “只” ดูนะครับ ตรงส่วนด้านล่างของตัวอักษรเป็นขีดสองขีด มองแล้วเหมือน "ขา" ครับ เพราะฉะนั้น คำว่า 只 จะใช้กับ สัตว์ตัวเล็กๆที่มีขาครับ เช่น 一只鸡 (ไก่) 、一只猫 (แมว)、一只狗 (หมา) 
               เพื่อนๆลองคิดดูนะครับว่าคำว่า 只 ใช้กับปลาได้มั้ย คำตอบคือ ไม่ได้ครับ ถึงแม้ว่าปลาจะเป็นสัตว์ที่ตัวเล็ก แต่ว่าไม่มีขา ก็เลยใช้คำว่า 只 ไม่ได้ครับ
              มาลองคิดต่อนะครับ "กุ้ง" หล่ะครับ ใช้ได้มั้ย คำตอบคือใช้ได้ครับ เพราะกุ้งมีขา และเป็นสัตว์ตัวเล็ก เลยใช้คำว่า 只 ได้ครับ (一只虾) 

头【tóu】
              头แปลว่าหัว ใช่มั้ยหล่ะครับ เพื่อนๆลองคิดดูกันก่อนว่าควรจะใช้กับสัตว์ชนิดไหน คำตอบคือ ใช้กับสัตว์ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ครับ คนสมัยก่อนเวลามองสัตว์ที่ตัวใหญ่ๆ คงจะมองเห็นแต่หัวหล่ะมั้งครับ เลยใช้คำว่า 头 เป็นลักษณะนามในระบุจำนวน ตัวอย่างเช่น 一头猪 (หมู) 、一头牛 (วัว) 、一头大象 (ช้าง)
               ปล. สัตว์บางตัวโดยเฉพาะพวกสัตว์ป่าที่มีขนาดกลางๆ ไม่เล็กไม่ใช่ สามารถใช้คำว่า 头 หรือ 只 ในการระบุลักษณะนามครับ เช่น 一只老虎 (เสือ)

条【tiáo】
              “条” ใช้กับสัตว์ที่มีลักษณะเรียวยาว จะมีขาหรือไม่มีขาก็ได้ครับเช่น 一条鱼 (ปลา) 、一条蛇 (งู)
                ปล. ส่วนสัตว์ตัวเล็กๆที่มีลักษณะเรียวยาวและมีขา เราสามารถใช้คำว่า 条 หรือ 只 ในการระบุลักษณะนามก็ได้ครับ เช่น 一条狗 (หมา) 、一条虫子 (แมลง)

匹【pǐ】
               “匹” เป็นลักษณะนามที่ใช้กับ "ม้า" โดยเฉพาะครับ

峰【fēng】
               “峰” เป็นลักษณะนามที่ใช้กับ "อูฐ" โดยเฉพาะครับ

             ลองคิดกันเล่นๆนะครับ ถ้าเป็น ไดโนเสาร์ (恐龙) ควรจะใช้ลักษณะนามคำไหนดี??
             คำตอบคือ ใช้ 只 หรือ 头 ก็ได้ครับ ทำไมหล่ะ?? ไดโนเสาร์ตัวออกจะใหญ่ ทำไมถึงใช้ 只 ได้หล่ะ อันนี้ตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แหะๆ แต่ถ้าให้เดา คงเป็นเพราะ ไดโนเสาร์เป็นสัตว์ที่สูญพันธ์ไปแล้ว ตอนที่คนที่บัญญัติศัพท์ลักษณะนามคงไม่ได้คิดถึงว่า ควรจะเรียกว่าอะไรดี เพราะฉะนั้น จะใช้คำไหนก็ไม่ผิดทั้งนั้นหล่ะครับ ^^

ความสำคัญของพินอิน (拼音)

             เพื่อนๆหลายคนคงจะสงสัยว่า ทำไม blog ผม เวลาเขียนตัวอักษรจีนจะกำกับ พินอิน (拼音) ไว้ แต่ไม่เขียนคำอ่านแบบคาราโอเกะในภาษาจีนนั้นเวลาออกเสียงจะค่อนข้างเน้นตำแหน่งของลิ้น และ ปากเวลาออกเสียงพ่นลมออกเบาหรือแรง มีผลกับเสียงในภาษาจีนทั้งหมด เพราะฉะนั้นคนที่อยากจะเรียนภาษาจีน เวลากำกับคำอ่านบนหนังสือเรียนควรจะเขียนเป็นพินอินควรจะหัดออกเสียงจากพินอินให้คล่อง ไม่ควรจะเขียนเป็นภาษาคาราโอเกะถ้าเขียนเป็นภาษาคาราโอเกะอาจจะทำให้ลืมวิธีอ่านที่ถูกต้องได้จะทำให้คนอื่นฟังแล้วเข้าใจผิดได้ง่ายๆ
             ภาษาของมณฑลกวางตุ้ง (广东)คือ ภาษากวางตุ้ง 粤语 yuèyǔ】เป็นภาษาที่มีการออกเสียงคล้ายๆกับภาษาไทย ชาวจีนมักชอบพูดติดตลกว่า 天不怕,地不怕,就怕广东人说普通话 Tiān bù pà ,dì bù pà ,jiù pàGuǎngdōng Rén shuō pǔtōnghuà】ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน แต่กลัวคนกวางตุ้งพูดภาษาจีนกลาง ทำไมถึงเป็นเช่นนี้หรอครับเพราะว่าภาษากวางตุ้งก็เหมือนภาษาไทยอ่ะครับ ไม่มีการม้วนลิ้นในการออกเสียง เสียง z c s กับ เสียง zh ch sh ออกเสียงเหมือนๆกัน ไม่มีการออกเสียงเบา (轻声) ด้วยความที่พูดภาษากวางตุ้งจนเคยชินเวลาพูดจีนกลางก็เลยมักจะออกเสียงผิดๆ ทำให้คนจากเมืองอื่นๆมองเป็นเรื่องตลกเสมอๆ
              มาลองดูตัวอย่างกันนะครับ ถ้าพูดออกเสียงผิดจะทำให้เกิดอะไรขึ้นได้บ้าง
ตัวอย่างแรก เป็นการออกเสียงวรรณยุกต์ที่ไม่ถูกต้อง
              小姐,水饺一碗多少钱? Xiǎojiě ,shuǐjiǎo yī wǎn duōshǎo qián?】น้องๆ เกี๊ยวชามนึงราคาเท่าไหร่
              小姐,睡觉一晚多少钱?【Xiǎojiě ,shuìjiào yī wǎn duōshǎo qiánน้องๆ นอนด้วยคืนนึงคิดเท่าไหร่อ่ะ
              คำว่า 水饺 ออกเสียงวรรณยุกต์ไม่ถูกกลายเป็น 睡觉 จากจะซื้อเกี๊ยวชามนึง กลายเป็น ขอนอนด้วยคืนนึงถ้าพูดออกไปแบบนี้คงจะโดนสาวคนนี้ตบเป็นแน่แท้
ตัวอย่างที่ 2
             อันนี้ผมได้ยินจากหูของตัวเองเลยครับผมไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งนึงในกวางเจา พอผมสั่งอาหารเสร็จกำลังนั่งกินก็ได้ยินพนักงานคนนึงตะโกนออกพนักงานหลังร้านให้เอากุญแจมาให้หน่อยกุญแจในภาษาจีนอ่านว่า 钥匙yàoshi แต่เนื่องจากคนกวางตุ้งไม่มีการออกเสียงเบา และ sh จะออกเสียงเป็น ผมเลยได้ยินเป็น 要死 yàosǐ】 ซึ่งแปลว่า “อยากตาย” ตอนที่ผมได้ยินนี่ตกใจแทบแย่นึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะฆ่าตัวตายกันหรอ ที่แท้ก็แค่จะเอากุญแจมาให้หน่อย
ตัวอย่างที่ 3
              อันนี้เป็นเหตุการณ์ที่เพื่อนผมได้ยินมา เพื่อนผมไปได้ยินคนสองคนคุยกันมีคนๆนึงพูดขึ้นมาว่า
              “你发骚了吗?怎么脸色不太好?要不我们回家吧。”
              【Nǐ fāsāo le ma zěn me liǎnsè bù tài hǎyàobù wǒmen huíjiā bā】
                คุณเกิดอารมณ์อยาก XXX แล้วหรอสีหน้าไม่ค่อยดีเลย พวกเรากลับบ้านกันดีกว่า
               เพื่อนผมได้ยินก็ตกใจ ห๊ะ!! กลางวันแสกๆพูดกันอย่างงี้เลยหรอกอยากXXXกันก็ชวนกันกลับบ้านซะงั้น
               จริงๆแล้ว เขาพูดว่า 发烧 fāshāoที่แปลว่า “มีไข้” ครับ แต่ว่าออกเสียงไม่ถูกไม่ม้วนลิ้นขึ้น เลยกลายเป็น 发骚 fāsāo ซึ่งแปลว่า “มีอารมณ์อยาก XXX

               จากตัวอย่าง ตัวอย่างนี้ เพื่อนๆคงจะพอเห็นความสำคัญของการออกเสียงด้วยพินอินแล้วนะครับพยายามฝึกพูดให้ถูกกันนะครับไม่อย่างงั้นเรื่องที่คุณพูดอาจจะกลายเป็นเรื่องตลกเรื่องต่อไปของชาวจีนก็เป็นไปได้!!